วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธี download ไฟล์จาก sharecash

วิธี download ไฟล์จาก sharecash
แนะนำให้ใช้ firefox download น่ะครับ ใครยังไม่มี firefox ก็ไปโหลดได้ที่ http://www.mozilla.com/th/
หมายเหตุใครที่ทำตามวิธีข้างล่างแล้วยังโหลดไม่ได้ แนะนำว่าให้ตัดเน็ตต่อใหม่หรือรีราวเตอร์เพื่อให้ได้ IP ใหม่มาโหลดครับ
กดเลือก Regular Download จากนั้นทำตามภาพด้านล่าง
เลือกหัวข้อ Enter for a chance to win real cash prizes! เท่านั้นนะครับ
sharecash download 1
sharecash download 2
sharecash download 3
sharecash download 4
sharecash download 5
sharecash download 6
ถึงหน้านี้ให้รอนะครับ ประมาณ 30-60 วินาที หรืออาจจะนานกว่านั้นก็จะมีไฟล์ขึ้นมาให้กด save ครับ อย่าเพิ่งรีบปิดหน้าต่างนะครับ เปิดทิ้งไว้แล้วไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้
เวปนี้ดาวโหลดได้วันละครั้งเท่านั้นนะครับ หากใครต้องการโหลดมากกว่า 1 ครั้ง แนะนำให้ใช้รีเราเตอร์หรือตัดเน็ตต่อใหม่เพื่อเปลี่ยน ip มาโหลดครับ

ที่มาของบทความ ;  http://boy1000.wgservice.com/sharecash-download.html

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สัญลักษณ์ประจำชาติไทย (Nation Identity) ..3 สิ่ง


สัญลักษณ์ประจำชาติไทย (Nation Identity) ..3 สิ่ง

นายยงยุทธ ติยะไพรัช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี .แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ตุลาคม 2544 ว่า คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ การกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติไทย (Nation Identity) ..3 สิ่ง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล อดิเรกสาร) ประธานคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเสนอ ซึ่งจะเป็นการ ช่วยประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย ดังนี้
     1. สัตว์ประจำชาติไทย คือ "ช้างไทย" Chang Thai (Elephant หรือ Elephas Maximas)
     2. ดอกไม้ประจำชาติ คือ "ดอกราชพฤกษ์" (คูน) Ratchapruek (Cassiafistula Linn.X
     3. สถาปัตยกรรมประจำชาติ คือ "ศาลาไทย" Sala Thai (Pavilion)

ทั้งนี้ .เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ การกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ ไทย (Nation Identity) และการส่งเสริมสัญลักษณ์ประจำชาติไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์ส่งเสริม ภาพลักษณ์ประเทศไทยให้มีผลระยะยาว .....ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลแล้ว จึงกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย 3 สิ่งดังกล่าว ตามที่กระทรวงต่างประเทศเสนอ
สำหรับภาพลักษณ์สัตว์ประจำ ชาติ "ช้างไทย" .....ทางกรมศิลปากรได้ออกแบบ..... และคณะกรรมการ เอกลักษณ์ของชาติ ได้พิจารณาเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว. และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตื่นตัว และจะได้เห็นความหลากหลาย ..ทางคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติจะจัดให้มีการประกวดภาพ 3 สิ่งสร้างภาพ ลักษณ์ "ดอกราชพฤกษ์" ดอกไม้ประจำชาติและสถาปัตยกรรมประจะชาติ ......จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการ ประกวดภาพเพื่อให้ประชาชนได้ทีส่วนร่วมในการคัดเลือกรูปแบบสัญลักษณ์ประจำ ชาติต่อไป
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 ก.พ. 2548 รับทราบเรื่องการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมา โดยกำหนดให้สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์ หรือดอกคูน สถาปัตยกรรมประจำชาติ คือ ศาลาไทย ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติพิจารณาการออกแบบภาพสัญลักษณ์ประจำชาติไทย ทั้ง 3 สิ่ง มาตั้งแต่ปลายปี 2544 โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบภาพช้างไทย ส่วนภาพดอกราชพฤกษ์และภาพศาลาไทยได้จากการประกวดการออบแบบ แต่มีการทบทวนและปรับปรุงแก้ไขภาพหลายครั้ง และคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบภาพเอกลักษณ์ประจำชาติไทยทั้ง 3 สิ่ง ในการประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา
 
  
สัตว์ประจำชาติ

สถาปัตยกรรมประจำชาติ








ดอกไม้ประจำชาติ











 

คุณแต่งกายถูกกาลเทศะแล้วรึยัง!!

การแต่งกายไปงานประเพณี
เราควรแต่งกายให้เหมาะสมกับงานพิธีเพราะเป็นการแสดงถึง
ความเคารพ ความเชื่อถือ ความศรัทธา และความเคารพต่อสถานที่จัดงาน

การแต่งกายไปงานบุญ
เราควรแต่งในชุดที่ดูเรียบร้อยและสีสันที่อ่อนๆสะอาดตา
เพื่อเป็นการให้เกียติเจ้าภาพและสถานที่ในการจัดงานและเพื่อเป็น
การปฏิบัติตาม ข้อกำหนดที่เจ้าภาพกำหนดไว้ ฯลฯ

การแต่งกายไปงานบวช
เราควรแต่งกายในชุดที่เรียบร้อยและสุภาพและควรใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆไม่ฉูดฉาด เพื่อเป็นการให้เกียติเจ้าภาพ และเพื่อเป็นควรแสดงความเคารพต่อสถานที่ด้วย

การแต่งกายไปงานแต่งงาน
การแต่งกายไปงานแต่งงานเป็นการแสดงถึงการให้ความยินดีกับเจ้าภาพจึงเป็นการแต่งกายในชุดที่ดูสวยงามและการแต่งกายไปงานเราควรคำนึงถึงการให้เกียติเจ้าภาพด้วยเช่นเจ้าภาพอาจจะกำหนดการแต่งกายมาเราก็ควรปฏิบัติตามเพื่อเป็นการให้เกียติและเพื่อแสดงความยินดี เช่น แต่งกายในชุดสีขาว สีชมพูหรือเสื้อผ้าสีอ่อนๆดูสวยงาม เป็นต้น

การแต่งกายไปเที่ยว
แต่งกายไปเที่ยวเป็นการแต่งกายที่สบายๆ เราควรคำนึงถึงสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวและบุคคลที่จะไปกับเราหากไปกับผู้ใหญ่ควรดูให้ถูกกาละเทสะด้วย ว่ามีความเหมาะสมเพียงใด

การแต่งกายไปโรงเรียน
เราควรแต่งตามที่สถาบันการศึกษาที่เราศึกษาอยู่กำหนดให้เพื่อแสดงถึงการเคารพครูอาจารณ์ สถานศึกษาและแสดงถึงความเป็นระเบียบของสถาบันเรา และรวมทั้งเป็นการฝึกวินัยกับตัวเราเองด้วย

การแต่งกายไปงานศพ
ควรแต่งด้วยเสื้อผ้าชุดสีดำ เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับ
ผู้ตาย ไม่ควรสวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด เพราะเปรียบเหมือนการ
ไม่เกียรติทั้งผู้ตาย และเจ้าภาพผู้จัดงาน

การแต่งกายไปวัด
วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวพุทธจึงควรปฏิบัติตนต่อวัดด้วยความสุภาพและความเคารพ เพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง โดยปฏิบัติดังนี้คือ

- ควรแต่งกายให้สะอาดเรียบร้อยสีเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายหรือสีฉูดฉาด ไม่รัดรูปเพื่อสะดวกในการกราบไหว้ และทำสมาธิ

- วัดมิใช่ที่ที่คนจะแต่งตัวไปอวดความร่ำรวยกัน วัดควรเป็นที่เราไปเพื่อขัดเกลากิเลสมากกว่า จึงไม่ควรแต่งกายให้หรูหรา
ล้ำสมัยใส่เครื่องประดับรุงรัง ไม่ควรใส่น้ำหอมที่มีกลิ่นรุนแรงจะทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน

- บุรุษควรแต่งกายเรียบร้อย ไม่ปล่อยชายเสื้อ ทรงผมตัดสั้นหรือหวีเรียบร้อย ไม่ใส่น้ำมันกลิ่นรุนแรงรบกวนผู้อื่น

- สตรีไม่ควรแต่งกายแบบวับ ๆ แวม ๆ หรือใส่เสื้อบางจนเห็นเสื้อชั้นใน กระโปรงไม่ควรสั้นจนน่าเกลียด
หรือผ่าหน้าผ่าหลังเพื่อเปิดเผยร่างกาย

การแต่งกายไปงานมงคล
งานมงคล คือ การทำบุญเลี้ยงพระเพื่อความสุขความเจริญแก่จิตใจ เช่น ทำบุญวันเกิด ขึ้นบ้านใหม่ งานมงคลสมรส
การแสดงความยินดีในโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น ควรแต่งกายดังนี้

- ควรแต่งกายเรียบร้อย สีสวยงามตามสมัยนิยม เหมาะสมกับงาน

- ใส่เครื่องประดับพอประมาณ แต่ไม่ควรหรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินพอดี

- ขนาดพอดี ลุก นั่งได้สะดวก ไม่น่าเกลียด

การแต่งกายไปงานอวมงคล
งานอวมงคล คือ การทำบุญเลี้ยงพระที่เกี่ยวกับเรื่องการตาย นิยมทำกันอยู่ 2 อย่างคือทำบุญ หน้าศพ
เรียกว่าทำบุญ 7 วัน 50 วัน หรือ 100 วัน และทำบุญอัฐิในวันคล้ายวันตายของผู้ล่วงลับ

- ถ้าเป็นงานศพควรเป็นสีขาวหรือสีดำ

- ถ้าเป็นวันทำบุญอัฐ ควรแต่งกายเรียบร้อย สีเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายหรือฉูดฉาด จนเกินควร เหมาะสมกับงาน ไม่ใส่เครื่องประดับหรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินพอดี


ที่มา;http://www.baanmaha.com/community/thread24900.html

มารยาทต้องห้าม.... 7 Innocent Gestures That Can Get You Killed Overseas

หากคุณมีโอกาศได้ไปเที่ยวต่างประเทศแลัวคุณต้องใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปวันนี้เรามีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยมาฝากกันค่ะ อาจเป็นมารยาทที่คุณคิดว่าธรรมดาๆ แต่ถ้านำไปใช้ต่างประเทศมันอาจไม่ธรรมดาอย่างที่คุณคิด...

7 อันดับอันตรายที่อาจทำให้คุณ....เป็นตัวประหลาดได้หากคุณไม่ศึกษาให้ดีก่อน..!!!



อันดับ 1 ห้าม "OK" ที่บราซิล (Give the "OK" Sign in Brazil)

                สากล
:ตกลง!! โอเค
บราซิล:ฮายบราซิล!! ฉันคือ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ของ USA ฉันกำลังจะไปแตะผ่าหมากคุณแล้ว
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร แต่ถ้าคุณทำมือโอเคแก่ชาวบราซิลละก็ จากมิตรจะกลายเป็นศัตรูทันใด!!
ในบราซิลการทำมือ โอเคหรือตกลงนั้นไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่งเพราะการทำมือ "ตกลง" เป็นการแสดงอากัปกิริยาเทียบเท่าได้กับ"ฟักยู" ในอเมริกา(โชว์นิ้วกลาง)
เรา ไม่รู้ว่าประวัติของการห้ามทำสัญญามือของบราซิลนี้มีที่มาอย่างไร แต่มันก็เคยเกือบเป็นปัญหาประทศมาแล้วเมื่อ ปี 50 นิกสันมายืนอเมริกาและในขณะก้าวจากเครื่องบิน ฝูงชนรัวกล้องถ่ายรูปประชิดตัว และขณะนิกสันกำลังก้าวไปขึ้นรถนั้นเอง เขาก็ทำมือโอเคทักทายต่อหน้ากล้องและประธานาธิปตรีคนแรกของบราซิล  แน่นอนคนบราซิลก็นึกว่านิกสันจะเตะผ่าหมากคนทั้งบราซิล
สรุป ก็คือการมาเยือนของนิกสันในบราซิลครั้งนี้ก็คือการถูกต้อนรับด้วยปัสสาวะ,อึ ที่กระหนำปาใส่รถลีมูซีนที่ท่านนั่งอยู่ตลอดสองข้างทาง.......

อันดับ 2 ห้ามให้ของขวัญด้วยมือซ้ายข้างเดี่ยวในบางประเทศ ( Give a Gift With Your Left Hand, Pretty Much Anywhere)

                สากล
: ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอสวยมาก ฉันขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสาวของคุณ เพราะฉันรักคุณ (ส่งด้วยมือซ้าย)
บางประเทศ: (อีก ฝ่ายคิด)ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอไร้ค่ามาก เหมือนอาเจียนของสุนัขที่ฉันไปเจอมา ฉันขอมอบของขวัญนี้ให้ เพราะฉันเกลียดคุณ(ว่ะ)
                ใน บางประเทศถือได้ว่ามือซ้ายเป็นมือที่สกปรก โสโครก เพราะเรามักใช้มือซ้ายจับได้สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่นเรามักใช่มือซ้ายในการชำระล้างสิ่งปฏิกูลเวลาเข้าส้วม(สำหรับคนถนัดขวา นะ,ลูบหน้า,นอกจากนั้นในบางวัฒนธรรมในบางประเทศเชื่อว่าคนถนัดซ้ายคือสมุน ของซาตาน ส่วนคนถนัดขวาคือมนุษย์ ซึ่งในหลายประเทศที่ห้ามส่งของขวัญด้วยมือซ้ายก็มี อินเดีย,แอฟริกา, ศรีลังกา,ประเทศตะวันออกกลาง
พูดถึงการให้ของขวัญแก่คนต่างประเทศนี้ก็มีข้อความรู้อีกเยอะ เช่น  อย่า ใช้กระดาษขาวมาห่อของขวัญแก่คนจีน, อย่าให้ดอกไม้สีขาวแก่ชาวบังคลาเทศ ซึ่งมันอาจเป็นมารยาทเล็กๆ ที่คุณอาจต้องรู้ไว้เวลาจะถูกมิตรกับคนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติไม่มองคุณเป็นคนขี่ม้าที่สี่ของบันทึกทางศาสนาของยิวแน่ นอน(กษัตริย์ทั้งสี่ในศาสนาคริสต์ที่มอบของขวัญแก่พระเยซูคริสต์ในช่วง ประสูติ)
อันดับ 3 ห้ามให้ดอกไม้เลขคู่ในรัสเซีย (Give an Even Number of Flowers in Russia)
               
สากล: "ฉันชอบเสน่ห์ของเธอเหลือเกิน มันเลยขอมอบดอกไม้ให้แทนความรู้สึกของเรา
รัสเซีย: "ตาย! ตาย! ตาย! อ๊าคคคคคคคคคคคค"
ในรัสเซียดอกไม้จำนวนเลขคู่นั้นใช้ในงานศพเท่านั้นนะครับ  และแน่นอนเกิดขึ้นเอาดอกไม้จำนวนคู่เป็นของขวัญให้คนรัสเซียละก็มีหวังได้เห็นหมัดแน่นอน เพราะมันเหมือนกับเราแช่งให้เขาตายเร็วๆ  เวลาจะให้ดอกไม้แก่คนรัสเซียควรให้ดอกไม้เลขคี่ดีกว่าและคนรัสเซียก็ไม่ให้ความสำคัญแก่สีของดอกไม้มากนัก
                พูด ถึงรัสเซีย รัสเซียนี้มีประวัติวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนาน ถ้าเราศึกษาดีๆ จะพบข้อที่ห้ามทำนรัสเซียอยู่เยอะ เช่น ไม่ควรจับมือหรือหอมแก้มทักทายที่ประตูทางเข้าบ้าน,ห้ามปฏิเสธการดื่มอวย พร,เวลาไปเยี่ยมต้องเอาของที่ระลึกเป็นให้เจ้าภาพด้วย เป็นต้น
อันดับ 4 ห้ามจับมือทักทายเพศตรงข้ามในซาอุดิอาระเบียต่อหน้าคนอื่น (Say "Hi" to a Member of the Opposite Sex in Saudi Arabia)

                สากล
: "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ซาอุฯ: "สวัสดี ตอนนี้คุณมีความผิดฐานร่วมประเวณีผิดศิลธรรมของประเทศเราแล้วละ ชื่อของคุณจะอยู่แฟ้มประวัติอาชญากรรมแน่นอน"
ซา อุดิอาระเบียมี กฎหมายที่เคร่งศาสนาเพื่อป้องกันการผิดศีลธรรมต่างๆ นาๆ คุณอาจเห็นกฎหมายห้ามชายและหญิงมีชู้, ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว(มันก็ดีนี้น่า) แต่ถ้าใครละเมิดอาจจะได้รับบทลงโทษที่แสนรุนแรงตามมาแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีกฎหมายห้ามผู้หญิง(รวมถึงผู้หญิงต่างชาติ)จับมือทักทาย ผู้ชายต่อหน้าสาธารณชนหรือสมาคม และผู้ชายใดๆ ที่ไม่ใช้สามีของเธอโดยปราศจากผู้ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้หญิงสหรัฐคนหนึ่งที่ติดต่องานโดยสนทนาและจับมือกับผู้ชายในStarbucks และถูกการจับกุมและถึงขั้นขึ้นศาล

อันดับ 5 ห้ามกินอาหารเหลือและเล่นกับอาหารในไทย/ฟิลิปปินส์/จีน (Finish Your Meal In Thailand / The Philippines / China)

               สากล
:นี้เป็นอาหารอร่อย แต่ตอนนี้กระเพาะผมจุไม่ได้แล้วครับ ขออภัยด้วยที่กินเหลือ
เอเชีย: มองด้วยสายตาไม่พอใจ......
เจ้า ภาพ-เจ้าของบ้าน(ของประเทศทั้งสาม)นั้นให้ความสำคัญกับแขกเวลามาบ้านคุณ พวกเขาจะจัดทำอาหารอย่างดีที่สุด โดยเลือกวัตถุดิบดีๆที่สุด อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบในการทำอาหารในประเทศนั้นค่อนข้างแพงสำหรับเจ้าของ บ้าน โดยราคาอาหารเลี้ยงแขกจานหนึ่งมันพอๆ กับเงินเดือนพวกเขาเหลายเดือนเลยแหละ นอกจากนี้ถ้าเราดูประวัติศาสตร์ก็จะเห็นว่าประเทศเคยมีประวัติศาสตร์ข้าวยาก หมากแพงเกือบทั้งสิ้น ทำให้มีวัฒนธรรมการไม่ดูถูกอาหาร อย่ากินทิ้งกินขว้าง(อย่างไทยเราเคารพข้าว) ดังนั้นเวลาเวลาที่คุณกินอาหารเหลือเจ้าภาพบ้านนั้นอาจมองคุณในด้านลบและ เกิดความรู้สึกไม่พอใจ ขุ่นเคืองจิตใจอย่างยิ่ง

อันดับ 6 ห้ามยกนิ้วโป้งที่ประเทศตะวันออกกลาง (Give the Thumbs-Up In The Middle East)

                สากล
: "กู๊ด มันยอดเยี่ยม"
ตะวันออกกลาง: "เดี๋ยวฉันจะเอานิ้วโป้งนายยัดรูตูดเอ็ง"
มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ยกหัวนิ้วโป้งในตะวันออกกลางนี้ แม้ว่ายกนิ้วโป้งจะเป็นการแสดงอากิริยาสากลก็เถอะ เราไม่รู้ที่มาการห้ามนี้มาจากที่ใด แต่สัญลักษณ์การยกนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นสัญญาณที่เคยมากว่าพันปีมาแล้วใน สมัยโรมัน การต่อสู้ในสังเวียนเลือด(โคโลเซียมหรือเวทีประลอง) พวกนักต่อสู้(ซึ่งเป็นทาส คนผิวดำ ยิว)ที่แพ้ในเวทีจะถูกตัดสินโดยเจ้าภาพว่าจะอยู่หรือตาย โดยถ้าเจ้าภาพจะทำมือเอานิ้วหัวแม่มือขึ้น-ลง ถ้ายกนิ้วโป้งขึ้นจะรอด แต่ถ้ายกหัวนิ้วมือลงนักสู้คนนั้นจะโดนฆ่า และแหล่งกำเนิดนี้ถูกนำไปเผยแพร่รอบๆ อาณานิคมของโรมในที่สุด ซึ่งมันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นจริงความหมายดั้งเดิมของมันคงจะเป็น "อย่าฆ่านักโทษนะเว้ย เพราะตรูเป็นเจ้าชีวิตของพวกมัน"

อันดับ 7 ห้ามแบมือต่อหน้าชาวกรีก (Extend Your Hand, Palm Outward in Greece)
               
               สากล
:พอแล้วครับอิ่มแล้วครับ (เป็นภาษากายประมาณว่าผมไม่เอา)
                กรีก: "นี่นายว่าหน้าฉันมีอุจจาระเรอะ!!"
ใน ประเทศกรีกการแสดงอากัปกิริยาโดยทำแผ่ฝ่ามือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกนั้น ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเขาครับ มันที่มาคือ ในสมัยอาณาจักรไบเวนไทน์ Byzantine เมื่อ ใดที่อาชญากรทำผิดอาญาเขาจะจับคนนั้นขังบนกรงและแห่เป็นขบวนพาเหรดบนหลังม้า ตามท้องถนน และก็ทำมือแบบนี้ ซึ่งแน่นอนประชาชนที่เข้ามาดูก็สาปแช่งด่าทอ บางคนก็เอาหิน,ผักเน่าปาและบางคนร้ายกว่านั้นคือขว้างอุจจาระมาใส่หน้า เลย(อี๊.....) ถือว่าอับอายมากๆ ดังนั้นเวลาชาวกรีกเห็นคุณทำมือแบบนี้ละก็ ชาวกรีกจะนึกว่าคุณกำลังดูถูกพวกเขาอย่างมากๆ เพราะคุณเปรียบพวกเขาเหมือนนักโทษที่น่าอับอายนี้เอง
"เห็นแล้วใช่มั๊ยค่ะว่าหากเราจะไปเที่ยวประเทศไหนเราก็ควรที่จะศึกษามารยาทของประเทศนั้นๆด้วยไม่งั้นละก็.....เราอาจเป็นตัวประหลาดขึ้นมาชั่วขณะ"
ที่มา; 

          http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1231179